(VOVWORLD) - ก่อนการส่งมอบอำนาจในวันที่ 20 มกราคม สหรัฐกำลังเร่งดำเนินนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศที่น่าจับตามอง ท่าทีนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ทางการของนาย โจ ไบเดน กำลังพยายามปกป้องผลงานของตนและลดผลกระทบที่คาดเดาไม่ได้จากทางการชุดใหม่ของนาย โดนัล ทรัมป์
ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน(ขวา) กับว่าทีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ณ ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 (REUTERS) |
การประกาศแพ็คเกจช่วยเหลือด้านความมั่นคงงวดใหม่ มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ยูเครน การประกาศอภัยโทษครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์และคำสั่งห้ามการขุดเจาะสำรวจน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งเป็นต้นคือนโยบายที่ทางการของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังเร่งปฏิบัติในหลายวันที่ผ่านมา
เสริมสร้างผลงานด้านการต่างประเทศ
แพ็คเกจช่วยเหลือด้านความมั่นคง มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ยูเครนเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมมีมูลค่ามากเป็นอันดับ 3 ที่ทางการของประธานาธิบดี โจ ไบเดน จัดสรรให้แก่ยูเครนหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่ แพ็คเกจช่วยเหลือเหล่านี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามคำมั่นที่ให้ไว้ของวอชิงตันเปิดทางให้เพนตากอนสามารถจัดสรรอาวุธจำนวนมากให้แก่ยูเครนก่อนที่จะมีการถ่ายโอนอำนาจให้แก่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ในเมื่อนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศต่อสาธารณะหลายครั้งว่า จะจำกัดหรือยุติการช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนทันทีที่ตนขึ้นบริหารประเทศ ซึ่งสร้างแรงกดดันให้ทุกฝ่ายต้องมานั่งเจรจาเพื่อยุติการปะทะ
นอกจากยูเครน ทางการของนาย โจ ไบเดน ก็กำลังพยายามสร้างผลงานด้านการต่างประเทศ หลังจากประสานกับฝรั่งเศสเพื่อส่งเสริมคำสั่งหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 60 วันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และปัจจุบันสิ่งที่สหรัฐให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในตะวันออกกลางคือการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 6 มกราคม นาย แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ยอมรับว่า สหรัฐตั้งใจที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ก่อนที่จะมีการถ่ายโอนอำนาจ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังได้ปฏิบัติภารกิจครั้งสุดท้ายคือเดินทางไปเยือนเอเชียตะวันออกเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับสองพันธมิตรที่สำคัญคือญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ในสภาวการณ์ที่ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่บานปลายในสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งสร้างภัยคุกคามต่อหนึ่งในผลงานด้านการต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของทางการของนาย โจ ไบเดน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในเอเชียแปซิฟิก นาย แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยว่า
“เรารู้ดีว่า ถึงแม้ สหรัฐกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ แต่โลกกลับไม่หยุดนิ่งเพื่อรอการเปลี่ยนผ่านอำนาจในสหรัฐ มีปัญหาสำคัญมากมายที่วางไว้ในระเบียบวาระการประชุม และเรากำลังพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันอย่างรอบคอบ ตลอดจนสิ่งที่เราต้องปฏิบัติต่อไป”
ความพยายามในการเสริมสร้างผลงานด้านต่างประเทศของทางการของนาย โจ ไบเดน ได้รับการดำเนินมาจนวันสุดท้าย เพราะตามกำหนดการ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กมลา แฮร์ริส จะเดินทางไปเยือนสิงคโปร์ บาห์เรนและเยอรมนีในระหว่างวันที่ 13-17 มกราคมเพื่อหารือเกี่ยวกับความสำเร็จของทางการนายโจไบเดนและ นาง แฮร์ริส ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาในแต่ละภูมิภาค พร้อมทั้งเพื่อค้ำประกันว่า ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจของสหรัฐจะไม่ได้รับผลกระทบเพราะการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ไม่อาดคาดเดาได้ในเวลาที่จะถึง
ส่งเสริมภารกิจภายในประเทศ
ไม่เพียงแต่พยายามที่จะเสริมสร้างผลงานด้านการต่างประเทศเท่านั้น หากทางการสหรัฐในปัจจุบันยังส่งเสริมส่วนงานภายในประเทศที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆก่อนที่จะถ่ายโอนอำนาจ โดยเมื่อวันที่ 6 มกราคม ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ออกคำสั่งห้ามการ ขุดเจาะสำรวจ น้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันกว้างใหญ่ของมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงเขตทะเลอื่นๆ ของรัฐบาลกลาง เพื่อปกป้องน่านน้ำกว่า 253 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งนายโจ ไบเดน ได้อธิบายต่อการตัดสินใจนี้ด้วยการย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องชายฝั่งของสหรัฐท่ามกลางวิกฤตสภาพภูมิอากาศและกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาด
ตามความเห็นของบรรดาผู้สังเกตการณ์ คำสั่งห้ามดังกล่าวได้อิงตามกฎหมายที่ดินบริเวณไหล่ทวีปชั้นนอกหรือ Outer Continental Shelf Lands Act ปี 1953 และอาจสร้างอุปสรรคให้แก่ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การออกคำสั่งห้ามในช่วงนี้ยังแสดงให้เห็นว่า นาย โจ ไบเดน กำลังพยายามปกป้องผลงานด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของตน ซึ่งเขาเองก็ยอมรับเมื่อเข้าร่วมการอภิปรายเชิงนโยบาย ณ สถาบันบรูคกิ้งส์เมื่อปลายปีที่แล้ว
“นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ทางการชุดใหม่ของสหรัฐจะได้สานต่อเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งมากขึ้นให้แก่การเติบโตที่ยั่งยืนและกว้างขวางด้วยผลิตภาพแรงงานในระดับสูง ผมหวังว่า ทางการชุดใหม่จะปกป้องและส่งเสริมผลงานนี้ต่อไป”
ด้านอื่นๆ ในสหรัฐกำลังมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ได้ลงนามประกาศใช้กฎหมาย 50 ฉบับ รวมถึงการประกาศ “นกอินทรีหัวขาว” เป็นสัตว์ประจำชาติของสหรัฐและกฎหมายที่มีข้อกำหนดว่าสมาชิกสภาคองเกรสจะไม่ได้รับเงินบำนาญถ้ามีความผิดทางอาญา ประธานาธิบดี ไบเดน ยังได้กำหนดมาตรฐานต่อต้านการกลั่นแกล้งขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อแก้ไขสถานการณ์การใช้ความรุนแรงและการเสียชีวิตในสถานศึกษา ก่อนหน้านั้น เมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นาย โจ ไบเดน ได้คัดค้านกฎหมายเพิ่มผู้พิพากษาใหม่ 66 คนในศาลรัฐบาลกลางที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากร พร้อมทั้ง ลดโทษให้แก่นักโทษประหาร 37 คนจาก 40 คนเป็นจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีสิทธิ์ได้รับอภัยโทษ ส่วนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นาย โจ ไบเดน ได้ลดโทษให้แก่ผู้ที่ถูกควบคุมตัวในบ้านเกือบ 1,500 คน หลังจากรับโทษจำคุกในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และได้อภัยโทษให้แก่อาชญากรที่ไม่ใช้ความรุนแรง 39 คน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงหรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บนี่คือการลดโทษและการอภัยโทษครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐ.