เวลา 10 นาฬิกา ที่บริเวณลานด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเขตพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ในกรุงฮานอย ได้มีการจัดเวทีการแสดงที่ฉากหลังเป็นภาพของโรงละครไทยและนางรำโนราห์พร้อมการบรรเลงสดของวงดนตรีไทย ซึ่งทำให้ผู้ที่มาชมงานรู้สึกเหมือนว่า กำลังก้าวเท้าเข้าสู่บรรยากาศวัฒนธรรมไทยโดยแท้

ด้านล่างคือเก้าอี้ที่ตั้งเรียงแถวเพื่อรองรับผู้ชมกวา 200 คน ที่กำลังให้ความสนใจกับการแสดงระบำชนไก่ โดยการแสดงนี้จะมีนักแสดงชาย หญิงสองคนสวมใส่ชุดรำสีแดงและสีเขียวที่ออกแบบให้ดูเหมือนไก่และมีผ้าพันที่เท้าให้ดูเหมือนเท้าไก่ โดยแสดงท่าทางเหมือนไก่กำลังชนกันพร้อมเสียงเชียร์ของผู้ชมบนเวที
“ดิฉันมีความประทับใจมากในระบำชนไก่และระบำดำนาของไทยเพราะคล้ายๆกับของเวียดนาม ชุดที่สวมใส่ในการแสดงสวยมาก ท่ารำของระบำชนไก่ถือว่ายากเพราะต้องเต้นให้เหมือนไก่สองตัวกำลังชนกัน”

“การแสดงระบำชนไก่ดูเหมือนไก่จริงๆกำลังชนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันได้ดูคนไทยแสดงจริงๆ ก่อนหน้านี้ ดิฉันดูการแสดงที่มหาวิทยาลัยฮานอยโดยนักศึกษาแสดงเองภายใต้การกำกับของคนไทยเท่านั้น”

นี่คือการแสดงโขนชุด "หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา" ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ นางสุพรรณมัจฉา เป็นบุตรของทศกัณฑ์ ที่ต่อมาได้ตกเป็นหนึ่งในภรรยาของหรุมาน ทหารเอกของพระราม โดยตัวละครสุพรรณมัจฉาปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อครั้งที่พระรามให้หนุมานถมมหาสมุทรข้ามไปยัง กรุงลงกา ทศกัณฑ์ซึ่งเป็นคู่ปรับของพระรามจึงให้นางสุพรรณมัจฉาและบริวารที่เป็นปลาลอบขนหินถมทะเลดังกล่าวไปทิ้ง หนุมานสงสัยจึงดำลงไปใต้ท้องทะเลและพบนางสุพรรณมัจฉา การแสดงโขนมีความแตกต่างกับการแสดงชุดอื่นๆโดยเฉพาะชุดที่สวมใส่ในการแสดง โดยชุดของนางสุพรรณมัจฉาจะมีทั้งชฎา กำไลข้อมือไข่มุก เสื้อคลุมสีเหลืองที่มีหางปลาสั้นๆด้านหลังและในการแสดงชุดนี้จะมีตัวละครหลักๆสองตัวคือนางสุพรรณมัจฉาและหนุมาน

หลังจากที่ชมการแสดงศิลปะไทย 7 ชุดเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ผู้ชมทุกคนต่างมีความพอใจมาก ซึ่งคุณกวางฮุย กำลังยิ้มอย่างสนุกสนานและบอกว่า “แม้ยังไม่เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแต่ผมเห็นว่า การแสดงศิลปะของคนไทยมีความสนุกสนานมาก เหมือนเทศกาลหลังช่วงตรุษเต๊ดของคนเวียดนาม หลังจากที่ชมการแสดงครั้งนี้ ผมจะศึกษาวัฒนธรรมไทยต่อไปเพื่อจะได้มีความเข้าใจมากขึ้น”

แม้นี่จะเป็นการจัดงาน Thai Cultural weekend เป็นครั้งแรกแต่ก็ช่วยให้ผู้ชมชาวเวียดนามและชาวอาเซียนมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งนั่นคือเป้าหมายของกระทรวงวัฒนธรรมไทยดังคำอธิบายของคุณพิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ ตัวแทนกระทรวงวัฒนธรรมไทย คณะบดีคณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนา “วัฒถุประสงค์คือเรามาเผยแพร่นาฎศิลป์ไทย วัฒนธรรมไทยให้กับประเทศในแถบอาเซียน และประเทศเวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่น่าสนใจที่ในอนาคตอาจจะมีการแลกเปลี่ยนทางด้านนาฏศิลป์วัฒนธรรมกัน”./.