นาย เหงวียนคามมีความประสงค์ที่จะสร้างสรรค์จังหวัดกว๋างจิให้กลายเป็นสัญลัษณ์แห่งสันติภาพ

ในช่วงสงครามต่อต้านอเมริกาเพื่อกู้ชาติ โบราณสถานต่างๆในจังหวัดกว๋างจิ เช่น สะพานเหี่ยนเลือง-เบ๊นหาย หวิงมก โก่นเตียน ยกเมี้ยว ทางหลวงหมายเลข 9  แคแซง กำแพงเก่ากว๋างจิ เป็นต้น ได้ปรากฎในบันทึกประวัติศาสตร์ของประเทศ เมื่อกล่าวถึงจังหวัดกว๋างจิ ทุกคนต่างนึกถึงกำแพงเก่ากว๋างจิและการต่อสู้อย่างดุเดือด  81 วันคืน โดยจำนวนระเบิดที่กองทัพสหรัฐใช้ถล่มพื้นที่ 3 ตารางกิโลมตรนี้ในตลอด 81 วันมีพลังการทำลายล้างเท่ากับระเบิดปรมาณูที่สหรัฐทิ้งลงในญี่ปุ่น  7 ลูก นาย เหงวียนคาม อายุ 93 ปี อาศัยที่เมืองกว๋างจิ จังหวัดกว๋างจิได้เผยว่า กำแผงเก่ากวางจิได้รับผลเสียหายอย่างหนักจากระเบิด  มองไปทางไหนก็เห็นแต่ซากปรักหักพัง พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่า การพัฒนาเมืองกว๋างจิในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของสันติภาพ

“สันติภาพคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติ โดยได้รับการสนับสนุน ให้กำลังใจและยกย่องจากประชาคมโลก แม้เมืองกว๋างจิมีประชากรไม่มากแต่ทุกคนก็มีความปรารถนาสร้างสรรค์เมืองแห่งสันติภาพ”

ในช่วงสงคราม จังหวัดกว๋างจิเป็นที่ตั้งของสำนักงานรัฐบาลเฉพาะกาลการปฏิวัติภาคใต้เวียดนาม โดยเป็นสถานที่ที่จัดพิธีต้อนรับประธานคิวบา ฟิเดล คาสโตร ผู้ล่วงลับและเอกอัครราชทูตของ 43 ประเทศที่เข้ายื่นสาส์นมายื่นสารตราตั้งและเปิดสถานทูต นี่คือนิมิตหมายของสันติภาพและมิตรภาพ นาย หว่างเฟือกหลาม หัวหน้าคณะกรรมการบริหารโบรารณสถานสำนักงานรัฐบาลเฉพาะกาลการปฏิวัติภาคใต้เวียดนาม ได้เผยว่า ที่นี่ได้กลายเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงสันติภาพ มิตรภาพและความร่วมมือ

“รัฐบาลเฉพาะกาลการปฏิวัติภาคใต้เวียดนามมีบทบาทและภาระหน้าที่ทางประวัติศาสตร์คือส่งเสริมความสามัคคีประชาชาติระหว่างแนวร่วมต่างๆ องค์การ กองกำลังและใช้การสนับสนุนจากประเทศประเทศต่างๆ   ผู้ใฝ่สันติภาพในทั่วโลกที่คัดค้านสงคราม สร้างแหล่งพลังเพื่อปลดปล่อยภาคใต้ รวมประเทศเป็นเอกภาพ”

เพื่อเชิดชูคุณค่าสันติภาพ รำลึกทหารที่พลีชีพเพื่อชาติและผู้เคราะห์ร้ายจากสงคราม จังหวัดกว๋างจิได้จัดวันงานรวมประเทศเป็นเอกภาพเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2000 และได้ถูกจัดต่อเนื่องประจำทุกปีในโอกาสรำลึกวันปลดปล่อยภาคใต้ รวมประเทศเป็นเอกภาพ 30 เมษายน   ณ โบราณสถานแห่งชาติพิเศษริมฝั่งแม่น้ำเหี่ยนเลือง ซึ่งในกรอบของงาน ได้มีการจัดพิธีเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสาและกิจกรรมต่างๆที่สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน เมื่อปี 2010  วันงานรวมประเทศเป็นเอกภาพ ได้รับการรับรองเป็นพิธีระดับชาติ  โดยมีการจัดพิธีรับน้ำจากแม่น้ำเลนินในฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติเวียดบั๊กและน้ำจากแม่น้ำเหิว ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำ 9 สายในภาคใต้  ในปี 2011  ได้มีการจัดพิธีรับก้อนหิน 21 ก้อนจากเกาะต่างๆสังกัดหมู่เกาะเจื่องซาและต้นหูกวางที่เป็นสัญลักษณ์ของอธิปไตยของปิตุภูมิในทะเลตะวันออก ส่วนเมื่อปี 2019  หลังพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา บรรดาตัวแทนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้ปล่อยลูกโป่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ “ขอให้โลกมีสันติภาพ”

การปล่อยลูกโป่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ “ขอให้โลกมีสันติภาพ”

เพื่อเชิดชูคุณค่าของสันติภาพ จังหวัดกว๋างจิได้จัดทำโครงการจัดงาน “เพื่อสันติภาพ”  มุ่งสู่การจัดงานที่ส่งสารเพื่อสันติภาพบนแผ่นดินกว๋างจิในปี 2022 นาย เหงวียนดังกวาง รองเลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดกว๋างจิได้เผยว่า พิธี “เพื่อสันติภาพ”ก็เพื่อเชิดชูคุณค่าของสันติภาพ ส่งสารเกี่ยวกับสันติภาพของประชาชนเวียดนามและประชาชาติที่ใฝ่สันติภาพในโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ประเทศที่สันติภาพและเอกราช เรียกร้องให้เพื่อนมิตรชาวต่างชาติเข้าร่วมกิจกรรมบรรเทาความปวดร้าวจากสงครามและมีแผนปฏิบัติเพื่อรักษาสันติภาพ

“นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติให้จังหวัดกว๋างจิจัดงาน “เพื่อสันติภาพ” ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาเกี่ยวกับสันติภาพ พวกเราคิดว่า นี่ไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมเพื่อแสดงความสำนึกในบุญคุณเท่านั้นหากยังเป็นคำเชิญชวนให้ผู้ใฝ่สันติภาพมาเข้าร่วมงานเทศกาลของจังหวัดกว๋างจิเพื่อขยายความปรารถนาเกี่ยวกับการรักษาสันติภาพ”

การสดุดีคุณค่าของสันติภาพไม่เพียงแต่เป็นการเชิดชูคุณค่าของสันติภาพเท่านั้นหากยังสดุดีและสำนึกในบุญคุณของผู้ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อสันติภาพ เจ้าหน้าที่และประชาชนจังหวัดกว๋างจิกำลังเน้นสร้างสรรค์สัญลักษณ์ในแผ่นดินที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสงคราม เมื่อมาเยือนจังหวัดกว๋างจิ ทุกคนจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความดุเดือดของสงคราม คุณค่าของสันติภาพ เอกราช เสรีภาพและบูรณภาพแห่งดินแดน กว๋างจิไม่เพียงแต่เป็นชื่อของท้องถิ่นเท่านั้นหากยังได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เป็นความภาคภูมิใจเกี่ยวกับการต่อสู้อันรุ่งโรจน์และความปรารถนาเกี่ยวกับสันติภาพของประชาชาติเวียดนาม.