ความมุ่งมั่นของครูตาบอดที่สอนศิลปะป้องกันตัว
Nguyen Hien - Ngoc Anh - VOV -  
(VOVworld) – ในตลอด 30 ปีที่เรียนศิลปะป้องกันตัวและ 20 ปีที่สอนศิลปะป้องกันตัว ครูเหงียนกิมหว่างเป็นที่รู้จักของหลายๆคนเนื่องจากทักษะความสามารถและความ มุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาเนื่องจากอาการป่วยที่รุนแรงเมื่อ 5 ปีก่อนจนทำให้ครูหว่างกลายเป็นคนตาบอด ถึงแม้มองไม่เห็นแต่ไฟแห่งความหลงไหลในศิลปะป้องกันตัวปันจักสีลัตของครูชาว ฮานอยคนนี้ยังคงลุกโชติช่วงต่อไป
(VOVworld) – ในตลอด 30 ปีที่เรียนศิลปะป้องกันตัวและ 20 ปีที่สอนศิลปะป้องกันตัว ครูเหงียนกิมหว่างเป็นที่รู้จักของหลายๆคนเนื่องจากทักษะความสามารถและความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาเนื่องจากอาการป่วยที่รุนแรงเมื่อ 5 ปีก่อนจนทำให้ครูหว่างกลายเป็นคนตาบอด ถึงแม้มองไม่เห็นแต่ไฟแห่งความหลงไหลในศิลปะป้องกันตัวปันจักสีลัตของครูชาวฮานอยคนนี้ยังคงลุกโชติช่วงต่อไป
ครูกิมหว่างกับนักเรียน
|
ครูเหงียนกิมหว่างเกิดเมื่อปี 1978 โดยชอบศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่อายุยังน้อยและในตอนแรกเขาฝึกศิลปะป้องกันตัวนามโห่งเซิน ปี 1992 เมื่อปันจักสีลัตได้รับการเผยแพร่เข้ามาในเวียดนาม เขาก็เป็นนักเรียนรุ่นแรกของศิลปะป้องกันตัวชนิดนี้ ถึงปี 1994 ครูกิมหว่างได้ติดทีมชาติและหลังจากนั้นไม่กี่ปี ก็เปิดโรงเรียนสอนปันจักสีลัต แล้วก็ได้พบภรรยา ซึ่งเป็นนักกีฬาปันจักสีลัตอาชีพ พวกเขาแต่งงานเมื่อปี 2005 และมีลูกสาว 1 คน แต่โชคร้ายที่ครูกิมหว่างป่วยเป็นโรคไตวายขั้นรุนแรงเมื่อปี 2010 ซึ่งภาวะแทรกซ้อนได้ทำให้ครูกิมหว่างกลายเป็นคนตาบอดและนี่คือจุดพลิกผันชีวิตของครูสอนศิลปะป้องกันตัวให้ต้องพึ่งพาคนอื่นและประสบความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน ครูกิมหว่างเล่าว่า “เมื่อเป็นคนตาบอด การใช้ชีวิตลำบากมาก แม้กระทั่งการเดินก็ต้องพึ่งพาคนอื่น ซึ่งการพึ่งพาคนอื่นมากเกินไปก็ไม่ค่อยสะดวกนัก เช่น ถ้าหากเราขึ้นรถเมล์ เราก็ไม่ทราบว่าเราจะขึ้นสายใหนและต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่”
ในช่วงที่ยากลำบากที่ต้องรักษาอาการป่วย ความเห็นอกเห็นใจและกำลังใจจากครอบครัว เพื่อนๆและนักเรียนบวกกับความมุ่งมั่นของตนเองได้ช่วยให้ครูเหงียนกิมหว่างสามารถฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ สำหรับชีวิตในปัจจุบัน ในแต่ละสัปดาห์ ครูกิมหว่างต้องไปรักษาโรคไตวายที่โรงพยาบาล 3 วัน สอนศิลปะป้องกันตัวที่สโมสรปันจักสีลัตและศิลปะป้องกันตัวพื้นเมืองที่มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติ 3 วัน ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็สอนปันจักสีลัตให้แก่นักเรียนในโรงเรียนมัธยมตอนปลายเจืองดิ๋งและนักเรียนคนอื่นๆที่สวนสาธารณะแบ๊กถาว โดยในตอนแรกนักเรียนเพียง 7 คนแต่จนถึงปัจจุบันแต่ละรุ่นมีนักเรียน 20-50 คน และสิ่งที่น่าพูดถึงคือเขาไม่เก็บค่าสอน
แม้แขนซ้ายไม่สามารถขยับได้อย่างสะดวกเนื่องจากการฉีดยาแต่เขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ความรู้แก่นักเรียน ความลำบากนั้นไม่ทำให้ครูคนนี้ย่อท้อ โดยในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ครูกิมหว่างยังคงสอนศิลปะป้องกันตัวให้แก่เยาวชนในกรุงฮานอย ครูบอกว่า ศิลปะป้องกันตัวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตและเป็นสิ่งที่ช่วยให้เขาสามารถฟันฝ่าอุปสรรคที่เคยคิดว่าจะไม่สามารถผ่านได้ “ ผมมีนักเรียนจำนวนมาก บางคนมาเรียนก็เพราะสงสัยว่า ทำไม่ครูคนนี้เป็นคนตาบอดแต่ก็ยังคงสามารถสอนศิลปะป้องกันตัวได้ ผมสอนศิลปะป้องกันตัวเพื่อช่วยฝึกฝนพวกเขาและเพื่อสุขภาพที่ดี”
ครูเหงียนกิมหว่างได้รับมอบรางวัล “อาสาสมัครแห่งชาติปี 2015”
|
ผู้ที่มาเรียนศิลปะป้องกันตัวกับครูหว่างมีหลายวัยและมีอาชีพต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและบางคนก็เรียนมาหลายปีแล้วแต่บางคนก็เพิ่งมาเรียนเนื่องจากได้ยินชื่อเสียงของครูกิมหว่าง ส่วนอดีตนักเรียนบางคนเมื่อทราบข่าวว่าครูตาบอดก็อาสากลับมาช่วยครูสอนศิลปะป้องกันตัว นักเรียนบางคนก็กลายเป็นนักกีฬาอาชีพที่เป็นสมาชิกของทีมศิลปะป้องกันตัวกรุงฮานอยหรือทีมตำรวจของกรุงฮานอย คุณเหงียนถิแทง นักเรียนคนหนึ่งเผยว่า “การมองโลกในแง่ดีของครูกิมหว่างเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่พวกเราในการเรียนศิลปะป้องกันตัว โดยพวกเราเห็นว่า ครูไม่เพียงแต่สอนศิลปะป้องกันตัวเท่านั้น หากยังถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้ชีวิตด้วย ซึ่งทำให้นักเรียนหลายคนรู้สึกผูกพันกับครูเป็นอย่างมาก”
จากการทุ่มเทและมีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อขบวนการอาสาสมัคร ครูเหงียนกิมหว่างได้รับมอบรางวัล “อาสาสมัครแห่งชาติปี 2015” จากกองเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์และโครงการอาสาสมัครแห่งสหประชาชาติ
สำหรับครูเหงียนกิมหว่างความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ มีแรงสอนศิลปะป้องกันตัวให้แก่นักเรียนต่อไปหวังว่า ความฝันนั้นของครูจะกลายเป็นความจริง แม้ดวงตาจะมืดมนแต่ความพยายามสอนศิลปะป้องกันตัวให้แก่นักเรียนได้ทำให้ทุกคนรู้สึกซาบซึ้งและให้ความเคารพ จนกลายเป็นแรงใจให้ครูกิมหว่างทำตามความฝันและความเชื่อมั่นของตนต่อไป.
Nguyen Hien - Ngoc Anh - VOV