คุณคางอาตั๋ว

คุณคางอาตั๋วเป็นคนที่มีรูปร่างเล็ก ใส่เสื้อและกางเกงผ้าลินินสีน้ำเงินคราม สะพายกระเป๋าลวดลายพื้นเมืองและสวมรองเท้าแตะสีขาว ซึ่งในการพูดคุยกับเราคุณคางอาตั๋วได้เผยว่า ความประสงค์ที่จะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆเพื่อชุมชนเริ่มต้นจากทัศนะที่ว่า ชนเผ่าม้งคือชนเผ่าที่มีการเชื่อมโยงชุมชุนในระดับสูง เขาเป็นลูกคนโตของครอบครัว และได้ปฏิบัติตามตัวอย่างของพ่อแม่ในการดูแลเอาใจใส่สมาชิกในครอบครัวและตระกูล ดังนั้น นอกจากช่วยเหลือพ่อแม่เพื่อให้น้องๆได้ไปโรงเรียนแล้ว ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2019 คุณตั๋วและเพื่อนบางคนได้ปฏิบัติโครงการน้าหนาและและโครงการเหวื่อนเมอเพื่อช่วยเหลือประชาชนชนเผ่าม้งได้มากขึ้น

“น้าหนาในภาษาม้งคือแม่ครับ โครงการน้าหนามีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าหัตถกรรมและสินค้าเกษตรและช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่สตรีชาวม้ง ส่วนโครงการเหวื่อนเมอมีวัตถุประสงค์เพื่อจุดประกายความฝันให้แก่เด็กชาวม้ง โดยพวกเขาต้องคิดถึงอาชีพที่จะทำในอนาคตตั้งแต่ตอนเรียนม.ต้น มิฉะนั้น จะต้องแต่งงาน ซึ่งโครงการของเราจะเน้นจุดประกายความฝันให้แก่เด็กชาวม้งมากขึ้น”

บูธของโครงการน้าหนาในงานวันวัฒนธรรมของชนเผ่าม้ง ณ กรุงฮานอย

สำหรับโครงการน้าหนา คุณตั๋วและเพื่อนชาวม้งอีก 2 คนได้สร้าง fanpage Facebook‘Ná Nả: Mùa gì mua nấy’ ที่มีผู้ติดตามกว่า 7,500 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์และแนะนำสินค้าเกษตรปลอดสารพิษและสินค้าหักถกรรมของสตรีชาวม้งในอำเภอเหนมโป่จังหวัดเดียนเบียนและอำเภอหมู่กังจ๋าย จังหวัดเอียนบ๊าย เช่น กระเป๋าลวดลายพื้นเมือง เครื่องจักสานไม้ไผ่ ผ้าลินิน น้ำผึ้ง ข้าวเหนียวเหนมโป่ เกาลัดป่าและหน่อไม้แห้ง เป็นต้น นอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่สตรีชาวม้งแล้ว โครงการนี้ยังช่วยเพิ่มทักษะในการขายของ การแนะนำสินค้าและการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าผ่านการพาสตรีชาวม้งไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ที่ กรุงฮานอย ปัจจุบัน โครงการนี้ได้เชื่อมโยงและสร้างรายได้ตั้งแต่ 1-3 ล้านด่งต่อเดือนต่อคนให้แก่สตรีชาวม้ง 5คน นางลี้ถินิง อายุ 38ปี ชาวม้งฮวาในหมู่บ้านจ๊งด่ง ตำบลเจ๋กูยา อำเภอหมู่กังจ๋าย จังหวัดเอียนบ๊ายที่เข้าร่วมโครงการน้าหนาได้เผยว่า“คุณคางอาตั๋วคือตัวอย่างดีเด่นของคนรุ่นใหม่ที่พยายามฟันฝ่าอุปสรรคและส่งเสริมจุดแข็งต่างๆของชนเผ่าม้ง โดยคุณตั๋วได้โน้มน้าวให้ดิฉันเข้าร่วมโครงการน้าหนาเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ผ้าพื้นเมืองของชนเผ่าม้งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและมีตลาดรองรับมากขึ้น ส่วนรายได้เฉลี่ยของดิฉันอยู่ที่ 4-6 ล้านด่งต่อเดือน โดยนอกจากเข้าร่วมโครงการน้าหนาแล้ว ดิฉันยังไปทำนาทำไร่ โครงการนี้คือโครงการที่มีความหมายพิเศษเพราะนอกจากสร้างรายได้เพื่อนำไปซื้อหนังสือตำราเรียน จ่ายค่าเล่าเรียนของลูกและซื้อของใช้ในครัวเรือนแล้ว ยังมีส่วนร่วมอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรมของชนเผ่าม้งด้วย”

นอกจากช่วยเหลือสตรีชาวม้งแล้ว คุณคางอาตั๋วและเพื่อนๆยังได้ปฏิบัติโครงการเหวื่อนเมอเพื่อช่วยเหลือเด็กชาวม้งที่มีอายุตั้งแต่ 12-15 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กๆสามารถเข้าถึงบรรยากาศการเรียนรู้ใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในตัวเองและการพึ่งพาตนเอง อีกทั้งช่วยให้เด็กๆมีมุมมองใหม่ๆและมีการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดเพื่อสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง คุณคางอาตั๋วได้เผยว่า ได้เชื่อมโยงกับองค์กร สถานประกอบการและโรงเรียนต่างๆในกรุงฮานอยเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆให้แก่เด็กๆ“พวกเราได้จัดกิจกรรมค่ายฤดูร้อนและกิจกรรมอื่นๆ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นของเด็กๆ สำหรับผู้ที่อยากเรียนต่อ เราจะขอความช่วยเหลือจากกองทุนการศึกษาหรือเรี่ยไรเงินเข้ากองทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ สำหรับผู้ที่อยากไปเรียนที่โรงเรียนอาชีวศึกษา เราจะช่วยจัดหาโรงเรียนที่เหมาะสมให้ ผมได้ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมมาหลายปีแล้วจึงรู้จักผู้ที่ประกอบอาชีพในแขนงต่างๆเป็นจำนวนมากและได้รับการสนับสนุนจากพวกเขาในการปฏิบัติโครงการเหวื่อนเมอ”

ภาพกิจกรรมต่างๆในโครงการเหวื่อนเมอ

แม้จะได้รับการช่วยเหลือและการสนับสนุนจากเพื่อนๆและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติโครงการต่างๆ แต่คุณคางอาตั๋วก็ยังคงประสบความยากลำบากมากมาย

“สิ่งที่ยากที่สุดคือผมต้องช่วยเหลือครอบครัวไปพร้อมๆกับการปฏิบัติโครงการต่างๆ โดยไม่ได้รับเงินเดือนจากโครงการเหล่านี้ ซึ่งทำให้ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับงานจนละเลยเรื่องสุขภาพ ผมได้ทำอาชีพเสริมต่างๆ เช่น ให้คำปรึกษาแก่องค์กรต่างๆและขับ grabbike เพื่อปฏิบัติโครงการดังกล่าว เดี๋ยวนี้ ผมสามารถสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานได้เป็นอย่างดี ส่วนสิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการมีส่วนร่วมต่อชุมชนและช่วยเหลือคนอื่น”

คุณคางอาตั๋วยังเผยว่า จะพยายามวางแผนและจัดสรรเวลาในการเรียนที่มหาวิทยาลัย Fullbrightและการปฏิบัติโครงการต่างๆอย่างเหมาะสมและหลังจบจากมหาวิทยาลัย Fullbright เขาจะพัฒนาโครงการน้าหนาในบ้านเกิด โดยจะก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมที่มีโซนสำหรับทำสินค้าหัตถกรรม โซนอ่านหนังสือสำหรับเด็กและโซนสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมในท้องถิ่น.