นครโฮจิมินห์ยืนยันพลังชีวิตที่เข้มแข็ง เดินหน้าเปลี่ยนแปลงใหม่และมุ่งพัฒนา

(VOVWORLD) -ในเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา นครโฮจิมินห์ได้ยืนยันบทบาทที่คล่องตัวในการเป็นผู้เดินหน้าและเดินนำขบวนการฟื้นฟู เปลี่ยนแปลงใหม่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ซึ่งเพื่อรักษาจังหวะการพัฒนาและบทบาทเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของเขตเศรษฐกิจหลักภาคใต้และของประเทศ ทางนครโฮจิมินห์ก็กำลังดำเนินนโยบายต่างๆที่เปิดกว้างและสร้างก้าวกระโดดให้แก่การพัฒนา

นครโฮจิมินห์ยืนยันพลังชีวิตที่เข้มแข็ง เดินหน้าเปลี่ยนแปลงใหม่และมุ่งพัฒนา - ảnh 1

47 ปีที่นครโฮจิมินห์ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อประธานโฮจิมินห์อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ที่ประชุมสภาแห่งชาติสมัยที่ 6 ได้มีมติเปลี่ยนชื่อเมืองไซง่อน-ยาดิ๋งห์อย่างเป็นทางการในการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ปี1976 มาถึงปัจจุบัน นครโฮจิมินห์ยังคงธำรงสถานะเป็นหัวเรือทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถดึงดูดแรงงานจำนวนมากจากทั่วประเทศ โดยกำลังแรงงานของนครโฮจิมินห์คิดเป็นร้อยละ 8.6 ของกำลังแรงงานทั้งประเทศ ในช่วงปี 2016-2020 ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของนครโฮจิมินห์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6.41 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ ร้อยละ6 มีส่วนร่วมคิดเป็นร้อยละ 22.2 ของเศรษฐกิจประเทศ  รายรับงบประมาณของนครฯมีสัดส่วนมากที่สุดเมื่อเทียบกับท้องถิ่นอื่นๆของประเทศ และยังเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและการบริการที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอีกด้วย โดยภาคอุตสาหกรรมมีส่วนแบ่งเป็นร้อยละ 15 และการบริการมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 33 ของประเทศ

ปัจจุบันนี้ นครโฮจิมินห์ได้ทำการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเติบโตที่อาศัยพื้นฐานของเศรษฐกิจองค์ความรู้ การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม และการสร้างผลิตภาพแรงงานในระดับสูง โดยวางเป้าหมายที่จะกลายเป็นศูนย์กลางการบริการที่สำคัญของประเทศและภูมิภาคด้วยอุตสาหกรรมการบริการทันสมัย การพัฒนาอุตสาหกรรมในเชิงลึก เน้นพัฒนาอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คัดเลือกโครงการลงทุนจากต่างประเทศตามแนวทางให้ความสนใจอันดับแรกต่อโครงการเทคโนโลยีขั้นสูง ธรรมาภิบาลที่ทันสมัยและมีผลลัพธ์ในการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเศรษฐกิจภายในประเทศ นายเหงวียนวันเนน เลขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมินห์ ได้ย้ำถึงการสร้างกลไกนโยบายการบริหารที่เปิดกว้างเพื่อเอื้อให้แก่การพัฒนาโดยเผยว่า “ทางนครโฮจิมินห์ต้องเป็นฝ่ายแก้ไขปัญหาอุปสรรค์ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนในเชิงรุก ต้องมีการบริหารอย่างคล่องตัวแบบกล้าคิดกล้าทำเพื่อรับมือกับสถานการณ์และกระแสการพัฒนาที่มีการเคลื่อนไหวแบบไม่หยุดนิ่ง การปรับตัวเพื่อรับมือจะต้องสอดคล้องกับพื้นฐานของแนวทางนโยบายอีกด้วย

ในปีนี้ ทางนครโฮจิมินห์ได้มุ่งมั่นสร้างก้าวกระโดดด้านโครงสร้างพื้นฐานด้วยการเปิดใช้งานโครงการใหญ่และสำคัญๆ เช่น โครงการรถไฟใต้ดินหมายเลข 1 โครงการป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองเพราะปัญหาน้ำทะเลหนุนระยะที่ 1 โครงการทางด่วนสายนครโฮจิมินห์-โหมกบ่าย จังหวัดเตยนิงห์ เป็นต้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาด้านคมนาคมเหล่านี้จะเอื้อให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งตามความเห็นของ ดร.เหงวียนซวนแถ่ง จากมหาวิทยาลัย Fulbright จะต้องให้ความสนใจต่อผลประโยชน์ในด้านคมนาคมในอันดับต้นๆ โดยการสร้างระบบคมนาคมที่สะดวกจะช่วยลดเวลาและต้นทุนการผลิตได้ดี ส่วนนายเหงวียนดิ่งห์ตุ่ง ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทนำเข้าส่งออก Vina T&T ที่ประกอบธุรกิจส่งออกผักผลไม้เผยว่า ในกระบวนการพัฒนา หน่วยงานผลิตและส่งออกผักผลไม้ของนครโฮจิมินห์นั้นมีศักยภาพสูงมาก ดังนั้น นโยบายด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมก็ควรได้รับความสนใจลงทุน  “เราหวังว่าในเร็วๆนี้ นครโฮจิมินห์จะเปิดใช้การบริการโลจิสติกส์เพื่อดึงดูดการลงทุนและมีระบบคลังสินค้าและศูนย์บริการฉายรังสีสำหรับสินค้าส่งออกเพื่อกระตุ้นการส่งออก เพราะปัจจุบันจำนวนคลังสินค้าและห้องเย็นในนครโฮจิมินห์ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการ

ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน นครโฮจิมินห์จะให้ความสนใจต่อการสนับสนุนผู้ประกอบการมากขึ้น ผ่านการพบปะรับฟังปัญหาเพื่อแก้ไขอุปสรรคและทำให้บรรดาผู้ประกอบการมีความมั่นใจในการลงทุนประกอบธุรกิจและมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อสังคม นายฝาม ฟู้ลือ รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการค้าและการนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการค้าการลงทุนในปีนี้เราจะเน้นกิจกรรมเชื่อมโยงการค้า ประสานงานกับสมาคมผู้ประกอบการของประเทศอื่นๆ เพื่อต้อนรับคณะผู้แทนที่มาศึกษาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการลงทุนในนครโฮจิมินห์ เพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศโดยเน้นในกลุ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์ส่งออกสำคัญของนครโฮจิมินห์”

มติที่ประชุมใหญ่พรรคสาขานครโฮจิมินห์ครั้งที่11 ได้ระบุ 3 ประเด็นหลักคือถึงปี2025 นครโฮจิมินห์จะพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะ เมืองอุตสาหกรรมและบริการที่ทันสมัย รักษาบทบาทเป็นหัวรถจักรทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนการเติบโตของเขตเศรษฐกิจหลักภาคใต้และทั้งประเทศ เป็นท้องถิ่นเดินหน้าด้านนวัตกรรม มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความทันสมัย และมีความแบ่งปัน จีดีพีต่อหัวประชากรอยู่ที่ประมาณ 8,500 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงปี2030 พัฒนาเป็นนครแห่งอุตสาหกรรม การบริการและวัฒนธรรมที่ทันสมัย เป็นท้องถิ่นนำหน้าด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมดิจิทัล ด้วยจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวประชากรอยู่ที่ประมาณ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเงิน การค้า วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี และวัฒนธรรมของอาเซียน และวิสัยทัศน์ถึงปี2045คือจะกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินของเอเชีย มีการพัฒนาที่ยั่งยืน มีคุณภาพชีวิตในระดับสูงด้วยจีดีพีต่อหัวประชากรที่37,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจระดับโลกสำหรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด