พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย

(VOVWORLD) - ถ้าหากคุณเคยมีโอกาสไปเยือนเมืองซาปาและพิชิตยอดเขาฟานซีปัน เมื่อประมาณ 5-7 ปีก่อนและมีโอกาสกลับมาเยือนอีกครั้งในปัจจุบันก็จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง โดยก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวต้องใช้เวลา 2 วัน 1 คืนในการพิชิตยอดเขาฟานซีปัน ที่มีความสูง 3143 เมตรเมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเล ซึ่งได้รับฉายาว่า เป็นหลังคาแห่งอินโดจีน แต่ตอนนี้ ทั้งเด็กและผู้สูงวัยสามารถเยี่ยมชมความงดงามบนยอดเขาฟานซีปันด้วยการนั่งกระเช้า 3 สายที่ยาวที่สุดในโลกที่เปิดบริการเมื่อ 2ปีก่อน ในรายการสารคดีของเราวันนี้ ขอเชิญท่านร่วมกับผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามและเจ้าหน้าที่จากกรมประชาสัมพันธ์ของไทย 2 คนคือคุณ พรพิรุณ หุ่นรอดและคุณสุรชัย เงินคำคงนั่งกระเช้าไปพิชิตยอดเขาฟานซีปันนะคะ 
พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 1สมาชิกคณะบนยอดเขาฟานซีปัน 

เวลา 08.00น. คณะผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนาม 2 คนและเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ 3 คนได้ขึ้นรถรางที่สถานีเหมื่องฮวาจากใจกลางเมืองซาปาเพื่อไปยังสถานีกระเช้าขึ้นยอดเขาฟานซีปันท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ รถรางสถานีเหมื่องฮวาและรถรางสายนี้ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม โดยอาคารสถานีมีหน้าต่างโค้ง สีขาวแบบฝรั่งเศส ส่วนรถรางไฟฟ้าเหมื่องฮวา ทาสีแดง มีพัดลมเพดานโคมไฟสีทอง มีหน้าต่างที่สามารถชมวิวภูเขาและหุบเขาเหมื่องฮวาได้อย่างเต็มอิ่ม โดยภาพที่เห็นนั้นคือทิวเขาสูงสลับซับซ้อน ส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่แอ่งกระทะ ที่มีบ้านหลังเล็กๆ หลังคาสีแดงและสีเขียวตั้งอยู่

พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 2 พวกเราก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้นั่งกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลกเพื่อพิชิตยอดเขาฟานซีปัน 
พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 3 คุณพรพิรุณ หุ่นรอดและคุณสุรชัย เงินคำคงนอกจากถ่ายเซลฟีแล้ว ก็ยัง live stream ผ่านเฟสบุ๊คและ Lineด้วย

แม้จะได้นั่งรถรางขึ้นภูเขาเป็นเวลาไม่ถึง 10 นาที แต่ประสบการณ์ที่ได้รับก็ได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้แก่สมาชิกทุกคน นอกจากนี้ พวกเราก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้นั่งกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลกเพื่อพิชิตยอดเขาฟานซีปัน โดยคณะของเราได้นั่งกระเช้าร่วมกับนักท่องเที่ยวเวียดนาม จีนและยุโรป ประมาณ 35 คน ซึ่งเต็มความจุของเคบิน ซึ่งทุกคนประทับใจเป็นอย่างมากกับวิวของธรรมชาติภายนอก โดยเฉพาะวิวที่ความสูง  3000 เมตร ที่มีป่าทึบและภูเขาสูงตระหง่าน ด้านล่างมีทุ่งนาขั้นบันไดที่เขียวขจี บ้านยกพื้นหลังเล็กๆของชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆและถนนที่โค้งคดเคี้ยวลัดเลาะไปตามสันเขา คุณพรพิรุณ หุ่นรอดและคุณสุรชัย เงินคำคงนอกจากถ่ายเซลฟีแล้ว ก็ยัง live stream ผ่านเฟสบุ๊คและ Lineด้วย

“บอกได้เลยที่นี่ที่แรก ก็ประทับใจเลย กระเช้าที่เคยนั่ง แบบเล็กๆ เหมือนแบบรถราง ไม่ได้ขนาดนี้ ชอบอีกอย่างหนึ่งคือนั่งกระเช้าขึ้นลงสนุกดีเหมือนนั่งอยู่บนเครื่องบินแล้วมองลงมา ดูข้างล่าง แต่ถ้าอยู่บนเคื่องบินจะดูได้นิดเดียว แต่ถ้าอยู่บนกระเช้า เหมือนแบบ เราเห็นทิวทัศน์ข้างล่าง ข้างหลังตรงกลาง เพราะมีการบินแบบช้าๆ กระเช้าก็ทำแบบไม่หวาดเสียว ทำให้คนดูวิวได้เต็มที่”

“น่าตื่นเต้นมากตอนนั่งกระเช้า ที่เชียงใหม่ยังไม่มีกระเช้า การสร้างกระเช้าขึ้นจะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากขึ้น ก็อยากให้เชียงใหม่มีอย่างนี้บ้างครับ”

พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 4 วิวที่ความสูง  3000 เมตร

ระยะเวลานั่งกระเช้าไปถึงสถานีกระเช้าฟานซีปัน คือประมาณ 15นาที โดยตอนออกจากสถานีกระเช้า ทุกคนก็สามารถสัมผัสบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง บริสุทธิ์ บนยอดเขา ได้เห็นหอระฆังด่ายห่งจุงที่มีความสูง 35 เมตร ตั้งตระหง่านท่ามกลางเมฆหมอก พระพุทธรูปทองดำปางสมาธิขนาดใหญ่ที่ประทับบนฐานดอกบัว เจดีย์ 11ชั้นสีเขียว หลังคาทรงโค้ง ซึ่งบรรยากาศของที่นี่ทำให้ทุกคนมีความสุขมาก

“ดีมากเลยค่ะ อากาศเย็นสบาย ลมเย็น แบบนึกภาพไม่ออกของตอนนี้ว่า อยู่หน้าร้อนในประเทศไทย คือมาอยู่ซาปาบนบอดเขาฟานซีพัง บอกได้เลยว่า กลิ่นสุดๆดูแบบอยากอยู่ทั้งวันเลย”

“ก็คล้ายๆ ดอยอินทนนท์แต่ที่นี่จะสูงกว่าดอยอินทนนท์ แล้วก็เห็นวิวทิวทัศน์ได้โล่งเลยเพราะต้นไม้ข้างบนไม่ค่อยมีต้นไม้ ก็จะเห็นวิวได้กว้างขึ้น”

พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 5หอระฆังด่ายห่งจุงที่มีความสูง 35 เมตร ตั้งตระหง่านท่ามกลางเมฆหมอก พระพุทธรูปทองดำปางสมาธิขนาดใหญ่ที่ประทับบนฐานดอกบัว เจดีย์ 11ชั้นสีเขียว หลังคาทรงโค้ง 
พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 6ภูเขาสูงตระหง่าน 

จากหอระฆังด่ายห่งจุง มี 2 ทางเพื่อพิชิตยอดเขาฟานซีปันคือเดินขึ้นบันไดหรือไปที่สถานีโด๊ะเกวียนเพื่อนั่งรถรางขึ้นยอดเขาและเราได้เลือกนั่งรถรางไฟฟ้าแทนการเดินขึ้นบันได600 ขั้นเพื่อประหยัดเวลา โดยในระหว่างทางขึ้นสามารถชมภาพกุหลาบพันปีบานสะพรั่งโดดเด่นกลางผืนป่าสีเขียวและเราใช้เวลาแค่ 2-3นาทีก็ไปถึงยอดเขาฟานซีปัน

พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 7 รถรางขึ้นยอดเขา
พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 8เพื่อนชาวไทยถ่ายรูปคู่กับหลักสัญลักษณ์ 
พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 9 ผู้หญิง 5 คนที่มีอายุเกิน50ปี ใส่เสื้อยืดคอกลมสีแดงดาวเหลืองและกางเกงขายาวสีขาวกำลังยืนร้องเพลงสรรเสริญประธานโฮจิมินห์และปรบมือตามจังหวะ

จุดชมวิวมีพื้นที่ 50 ตารางเมตร มีรั้วไม้กั้น จากที่นี่สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมยอดเขา ในช่วงที่เราไปถึงนั้น มีนักท่องเที่ยวกว่า 100 คนกำลังยืนรอถ่ายรูปคู่กับหลักสัญลักษณ์ที่ทำจากโลหะสีเทา สลักคำว่า ฟานซีปัน ความสูง 3143เมตรและมีรูปดาว 5 แฉก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธงชาติเวียดนาม ในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งใจถ่ายรูปกับธรรมชาติและหลักสัญลักษณ์พิชิตยอดเขาฟานซีปัน คุณสุรชัย เงินคำคงได้ถ่ายทอดสดบรรยากาศบนยอดเขา รวมทั้งภาพผู้หญิง 5 คนที่มีอายุเกิน50ปี ใส่เสื้อยืดคอกลมสีแดงดาวเหลืองและกางเกงขายาวสีขาวกำลังยืนร้องเพลงสรรเสริญประธานโฮจิมินห์และปรบมือตามจังหวะให้เพื่อนๆได้ดูกันทางเฟสบุ๊ค

“มาถึงยอดเขาฟานซีพังก็ได้เห็นพี่ๆยืนร้องเพลงปรบไม้ปรบมือกันใหญ่เลย แสดงว่ายังแข็งแรงดี ขึ้นมาถึงยอดเขาแล้วก็ร่าเริงมากเลย  ท้าสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นบนเทือกเขาฟันซีปันเลย สนุกสนานเลย อยากจะไปร้องรำทำเพลงกับเขาด้วย”

พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 10ภาพ วัดกิมเซินบ๋าวทั้งตื๋อ
พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 11ยอดหลังคาประดับด้วยหัวมังกรศิลปะสัมยรัชวงศ์หลี 
พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 12ภาพภายในวัด 

จากจุดชมวิวบนยอดเขาฟานซีปัน คณะฯได้เดินลงบันไดไปเยี่ยมชมวัดกิมเซินบ๋าวทั้งตื๋อ ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดบนยอดเขาฟานซีปัน มีวิหาร 5 หลังที่บูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ด้านหน้าของวัดตกแต่งแบบวัดโบราณที่มีหลังคาสีแดงเข้ม ยอดหลังคาประดับด้วยหัวมังกรศิลปะสัมยรัชวงศ์หลี ส่วนผนังและลานด้านหน้าปูด้วยหินสีเทา จากวัดกิมเซินบ๋าวทั้งตื๋อ เดินลงไปประมาณ 5 นาทีก็จะเห็นพระพุทธรูปทองดำปางสมาธิที่ประทับบนฐานดอกบัวขนาดความสูง 12.5เมตร ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมากราบไหว้และถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก คุณพรพิรุณ หุ่นรอดได้เผยว่า

“ถ้าที่ชอบที่สุดบนยอดเขาพานซีปันเป็นฉากของพระพุทธรูป ซึ่งองค์ใหญ่มากอยู่บนยอดเขาแล้วก็มีเมฆพัดผ่านแบบเร็วมาก เป็นเมฆเป็นแบบลมแรง เมฆก็เลยพัดแบบเร็ว ผ่านด้านหลังขององค์พระพุทธรูปแล้วดูศักสิทธิ์ ดูน่าเลื่อมใส สวยงาม ทุกคนจะเก็บภาพนี้เอาไว้”

พิชิตยอดเขาฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีนกับเพื่อนคนไทย - ảnh 13พระพุทธรูปทองดำปางสมาธิที่ประทับบนฐานดอกบัวขนาดความสูง 12.5เมตร  

เวลาประมาณเที่ยงวัน พระอาทิตย์ได้เคลื่อนที่ขึ้นสูงที่สุด แม้แสงแดดจะแรงมาก แต่อากาศก็ยังคงเย็นสบาย ซึ่งถ้าหากไม่มีแผนไปดูงานที่เมืองซาปาในช่วงบ่าย พวกเราก็จะยังคงใช้เวลาบนหลังคาแห่งอินโดจีนนี้ต่อไป ซึ่งสำหรับเพื่อนๆจากประเทศไทย การได้พิชิตยอดเขาฟานซีปันครั้งนี้ได้สร้างความความประทับใจให้แก่พวกเขาเป็นอย่างมาก

“ราคาสำหรับการไปยอดเขาฟานซีฟัง ตั้งแต่รถรางไปจนถึงกระเช้า สถานีกระเช้าแล้วก็รถรางถึงยอดเขาฟานซีพัง สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ใช่ชาวลาวกายรวมทั้งชาวต่างชาติ อยู่ที่ 9แสนด่ง  หรือว่า 1พัน 2 ร้อย 4สิบบาท  ถามว่า คุ้มไม๊ คุ้มค่ะ เนื่องจากว่า ดูจากความสะดวกสบาย ความปลอดภัย แล้วก็ทิวทัศน์ที่สวยงาม แล้วก็การดูแลหรือขั้นตอนการเข้า ระเบียบการปฏิบัติอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีมาตรฐาน เพราะฉะนั้นก็ ราคาตรงนี้ไม่ถือว่า แพงเลยสำหรับคนที่อยากจะมาสัมผัสธรรมชาติของเทือกเขาฟานซีพังแล้วก็อากาศเย็นๆอย่างนี้”

“ถ้าเป็นไปได้ จะมาอีก อาจจะพาครอบครัวมาในช่วงหน้าหนาว มาท้าความหนาว และอยากมาดูหิมะ อยากมาเดินช่วงค่ำคืนของซาปาที่เขาบอกว่า มีแสงสี ชอบแสงสี กลางวันก็ชอบธรรมชาติ แต่กลางคืนชอบแสงสี”.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด